วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

๑๕. St. Cloud Convalescent Home

๑๕. St. Cloud Convalescent Home

"ศาลฎีกา  อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ"..................โดย  นิกร  ทัสสโร

       ใกล้วันหยุดสงกรานต์แล้ว. ผมมักจะนำเอกสารเก่าๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การศาลไทย ที่เคยเก็บไว้มาอ่านทบทวน และค้นคว้าเพิ่มเติม โดยสอบถามหาความรู้เพิ่มเติมจาก ท่านอาจารย์ธานินทร์  กรัยวิเชียร บ้าง, ท่านอาจารย์เธียร เจริญวัฒนา บ้าง, ท่านอาจารย์สุรัช  รัตนอุดม  บ้าง, และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากราชสกุลรพีพัฒน์บ้าง.

        ข้อมูลที่จะกล่าวถึงในบทนี้.เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่รักษาพระองค์ของเสด็จในกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ในพระวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และ จากราชสกุลรพีพัฒน์.

         เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วที่ผมเขียนหนังสือ "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" นั้น.ผมตั้งคำถามเพื่อตัวเองจะได้ค้นคว้าไว้หลายคำถาม.บางคำถามก็หาคำตอบในช่วงเวลาที่เขียนต้นฉบับได้.เช่น วังราชบุรีอยู่ที่ไหน?พระตำหนักของพระองค์เป็นอย่างไร? พระองค์ทรงพระะนิพนธ์ตำราไว้กี่เล่ม?...แต่ที่หาคำตอบยังไม่ได้ก็มี เช่น ชีวิตนักเรียนอังกฤษเมื่อทรงพระเยาว์. และพระวาระสุดท้ายที่ฝรั่งเศสเป็นอย่างไร? ซึ่งวันนี้ก็สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้แล้วพอสมควร.

       จึงควรนำมากล่าวเล่ากันไว้เสียที่นี่.เพื่อจะได้แบ่งปันเรื่องราวของเจ้านายพระองค์ที่ทรงมีผลงานด้านการก่อสร้างศาลยุติธรรม.ในระดับที่กราบบังคมทูลขอรับพระราชทานเงิน จำนวน  สองล้านบาท เมื่อปี ร.ศ. ๑๒๒ เพื่อจะนำมาใช้ก่อสร้างอาคารศาลและกระทรวงยุติธรรม.

      กลับมาที่ช่วงเวลาท้ายของพระชนม์ชีพที่ต่างแดน.ผมขอเริ่มจาก เมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๖๑ พระอาการที่ทรงประชวรเริ่มมากขึ้น จนวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๔๖๒ พระอาการอยู่ในระดับ "เกือบลุกนั่งไม่ได้แล้ว...ขอพระมหากรุณาธิคุณหยุดพักราชการ ๓ เดือน..." ต่อมาวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๖๓ พระองค์ทรงเขียนพินัยกรรม.โดยก่อนหน้านั้น ๑ เดือนพระองค์เตรียมการเสด็จไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีส ทรงจองเช่าโรงแรมที่สิงคโปร์เพื่อพักรอเปลี่ยนเรือ และทรงเตรียมเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาล.

     คืนวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๔๖๓พระองค์ เสด็จโดยเรือกัวลา (kuala)ออกจากท่าเรือกรุงเทพฯมีเจ้านาย เจ้าพระยายมราช ข้าราชการ และลูกศิษย์ ส่งเสด็จ ขณะที่กล่าวลาเจ้าพระยายมราชครูของท่าน พระองค์รับสั่งว่า "บางครั้งครูอาจไม่ได้เห็นฉันอีก"...เสด็จถึงสิงคโปร์วันที่ ๒ พฤษภาคม ต่อมาทรงเปลี่ยนเรือโดยสารที่สิงคโปร์ เรือลำนี้ชื่อ "Andre Lebon"

     การที่เสด็จในกรมหลวงราชบุรีฯ เสด็จไปรักษาพระองค์ครั้งนี้ มีนายแพทย์โรแบร์และครอบครัวตามเสด็จ.และมีหลวงชลหารพิจิตร ข้าราชการสังกัดกรมทดน้ำ ตามเสด็จด้วย.

       เดือนมิถุนายนพระองค์และคณะถึงฝรั่งเศส.แล้วมุ่งสู่กรุงปารีสทันที.โดยเข้าประทับที่สถานทูตไทย จากนั้นวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๖๓ พระองค์ทรงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแพทย์ตรวจพบ..."tumorous large uleration on the right side of bladder" อันเป็นตำแหน่งแผลที่กระเพาะปัสสาวะ.

      หลังจากนั้นพระองค์จะเสด็จไปพักรักษาที่ แซนาโตเรียม เดอ ตูเบอร์คูโลซีส ที่ไลแซง แต่พระอาการกลับทรุดลงจนน่าตกใจเนื่องจากเกิดหนองขึ้นที่ด้านในและด้านนอกกระเพาะปัสสาวะ. เงินที่ทรงเตรียมไปไม่เพียงพอแก่ค่ารักษา.

        เสด็จในกรมหลวงราชบุรีฯจึงขอให้พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ โทรเลขแจ้งพระประสงค์จำนองวังราชบุรีเพื่อนำเงินเป็นค่ารักษา.พระองค์เจ้าจรูญฯทรงโทรเลขสอบถามมาทางกรุงเทพฯว่า "จะจ่ายเงินซึ่งจำเป็น สำหรับช่วยพระชนม์ไว้ ได้หรือไม่?".

        เรื่องเงินค่ารักษาพยาบาลเสด็จในกรมหลวงราชบุรีฯนี้.ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.พระองค์จึงมีพระราชกระแสให้สมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ และพระยามโนปกรณ์นิติธาดาทราบว่า ..."ฉันถวาย" สมเด็จฯ เสนาบดี จึงทรงมีพระโทรเลขตอบไปทางกรุงปารีสว่า..."ให้จัดการรักษาจนสุดกำลัง"

      วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๔๖๓ เสด็จในกรมหลวงราชบุรีทรงทราบก็ทรงมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ.จากนั้นจึงย้ายไปรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลที่ชื่่อว่า "St. Cloud Convalescent Home" ที่โรงพยาบาลนี้ได้มีหมอ Hepp เข้าร่วมให้การรักษาด้วย.

      หลังจากนั้นเจ็ดวันคณะแพทย์ตรวจพบฝีที่บริเวณระหว่างไตไปถึงกระเพาะปัสสสาวะ.ต้องผ่าเจาะฝีและต้องตัดไต.เสด็จในกรมหลวงราชบุรีจึงให้โทรเลขแจ้งให้หม่อมและพระโอรสธิดาที่วังราชบุรีให้ทราบพระอาการที่หนักนี้.

   

     

   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น