วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

๔. ศาลฎีกา ; ค้นหาความรู้จากหนังสืองานศพ

๔. ศาลฎีกา ; ค้นหาความรู้จากหนังสืองานศพ

" ศาลฎีกา  : อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ "........โดย นิกร  ทัสสโร.....

      ในขณะนี้ ผู้ที่สนใจค้นหาความจริงบางอย่างที่เกี่ยวกับศาลฎีกา สามารถสืบค้นได้หลายช่องทาง. แต่มีช่องทางหนึ่งที่ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก นั่นคือ การสืบค้นจากหนังสืองานศพ. แน่นอนเลยครับ สิ่งแรกและสำคัญอย่างยิ่งที่ท่านควรปฏิบัติเมื่อตัดสินใจสืบค้นจากหนังสือประเภทนี้. คือต้องอ่านในเวลากลางวัน. ผมสนใจสืบค้นเรื่องศาลฎีกาจากหนังสืองานศพ ก็ด้วยข้อสงสัยอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เช่น หนึ่ง. เรื่องแรกนั้นคือ ผมสงสัยว่า ข้อที่ว่า การก่อสร้างศาลฎีกา ตามแบบของกระทรวงยุติธรรมสวิตเซอร์แลนด์นั้น เป็นความจริงมากน้อยเพียงใด...หรือ ความสามารถทั้งหมดในการรังสรรค์ แบบแปลนของการก่อสร้างอาคารศาลฎีกามาจากสติปัญญาของยอดคนด้านสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีชื่อว่า .."พระสาโรชรัตนนิมมานก์" หรือมีผู้อื่นร่วมรังสรรค์งานชิ้นนี้ด้วย ...สอง. จะเรียกว่าเป็นข้อสงสัยก็ไม่เชิง เรียกว่าเป็นเรื่องที่ชวนให้อยากอ่านหนังสืองานศพบางเล่มดีกว่า เพราะในระหว่างการรื้อถอนและก่อสร้างศาลฎีกาอยู่ขณะนี้ คนงานและผู้ที่ทำงานในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง  ได้.."เห็น" ...เห็นชายใส่สูทช่วงใกล้ค่ำ ที่ว่า "เห็น" นั้นไม่ใช่ครั้งเดียวนะครับ ...ต่างครั้งต่างคราวกันต่างคนต่างเห็น สามถึงสี่ครั้งแล้ว ...+++...และครั้งหนึ่งผู้ที่ปรากฏให้เห็นได้ "ถาม" ออกมาด้วย...ซึ่งผู้ที่ถูกถามนั้นขณะนี้ขอลางานแล้ว.เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็นนี้ เคยมีการบันทึกไว้ในหนังสืองานศพเล่มใดบ้าง ...สาม มีหนังสืองานศพเล่มใดบ้างที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับศาลฎีกา ห้องทำงานในศาลฎีกา หรือภูมิสถานศาลฎีกา หรือแผ่นที่บริเวณศาลนี้ไว้ ...สี่ มีหนังสืองานศพเล่มใดบ้างที่เขียนเรื่องผู้พิพากษาศาลฎีกาไว้..ทุกๆเรื่องอันเป็นตัวอย่างที่ผมกล่าวถึง น่าสนใจสืบค้นทั้งสิ้นครับ.

     ขอเริ่มต้นที่หนังสืองานศพที่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร หรือตัวอาคารศาลก่อนนะครับ. หนังสืองานศพที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้างศาลฎีกา. มีอยู่หลายเล่ม เท่าที่ผมได้อ่านมา ก็มี ๑. หนังสืองานศพของเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร  ๒. หนังสืองานศพของพระสาโรชรัตนนิมมานก์  ต่อไปเล่มที่ ๓. หนังสืองานศพของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์  และที่ ๔. หนังสืองานศพของหลวงจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์...หนังสืองานศพในแต่ละเล่มให้ข้อมูลเรื่องแบบแปลนของอาคารศาลฎีกาและเรื่องราวโครงการก่อสร้างอาคารศาลไว้อย่างมาก.  มากพอที่เมื่อนำมาเรียงต่อเข้าด้วยกันแล้ว ก็จะได้เป็นภาพที่คมชัดและเป็นความรู้ที่ดียิ่ง. แต่หากว่าท่านผู้ใดอ่านหลายรอบแล้ว ยังไม่ชัดอีก ผมก็ขอแนะนำให้ท่านไปที่บริเวณที่ก่อสร้างศาลฎีกาในช่วงใกล้ๆ ค่ำ.  แล้วจะมีผู้มาบอกท่านเอง  แต่ท่านต้องตั้งใจฟังให้ดี เพราะเวลานั้นจะมีเสียงสุนัขหลายตัวหอนรับ.

        เมื่อได้อ่านหนังสืองานศพดังกล่าวแล้ว. ทำให้ทราบว่า การก่อสร้างอาคารศาลฎีกาโดยใช้แบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หรือแบบ Modern นั้น เริ่มขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗โดยพระองค์ทรงเป็นประธานการประชุม. โครงการก่อสร้างครั้งนั้น เริ่มจากเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศรได้ขอให้ช่างฝรั่งที่ชื่อ ชาร์ล แบเกอแลง ออกแบบอาคารศาลให้ ต่อมาล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ได้ทรงเป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับเรื่องแบบอาคารศาล และที่ประชุมนั้นเห็นชอบให้การก่อสร้างศาลใช้แบบโมเดิร์น. โครงการนี้ต้องระงับไปเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี ๒๔๗๕ .

      อย่างไรก็ตาม ครั้นถึงยุคที่ได้มีการก่อสร้างจริงๆ ในปี ๒๔๘๒ พระสาโรชรัตนนิมมานก์ ก็ดำเนินแนวทางการก่อสร้างแบบเดิม ที่เรียกว่า "แบบสมัยใหม่" ซึ่งก็คือ Modern ยอดนายช่างท่านนี้ ออกแบบการก่อสร้าง โดยใช้ซีเมนต์มีแกนเหล็กเป็นส่วนสำคัญ และเสริมความสวยงามของอาคารโดยใช้กระจก และที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ ระบบการก่อสร้างฐานราก ที่ไม่มีการใช้เสาเข็ม...งง!..งง! งงไปทั้งบางกอก ถึง ปากบางเชิงแส ใช่มั้ยครับ? ... อาคารซีเมนต์แกนเหล็กที่ไม่ใช้เสาเข็ม. แล้วฐานรากใช้อะไรรองรับ ดินกรุงเทพฯ โคลนทั้งนั้น...ใช้อะไรเป็นรากเป็นฐาน? ...โบราณน่ะ ท่านใช้ไม้ซุงทั้งต้น  แต่คุณพระสาโรชฯ ท่านไม่ใช้เสาเข็ม...คำตอบเป็นอย่างนี้ครับ..ระบบวิศวกรรมของคุณพระสาโรชนั้นท่านใช้การลอยตัวที่เรียกว่า " Buoyancy " หรือ " Floating foundation " คือ ออกแบบอาคารโดยให้น้ำและโคลนใต้ดินเป็นแรงพยุงฐานราก ทำให้อาคารลอยตัวอยู่ได้. ฐานรากดังกล่าวนั้นเป็นบ่อซีเมนต์สี่เหลี่ยมขนาด ๖ x ๖ เมตร ติดกันเป็นแพลอยอยู่ใต้ดินรับอาคารข้างบน.ใต้บ่อซีเมนต์นี้ มีเข็มไม้ขนาดเล็กยาวประมาณสามเมตรแผ่ห่างๆ เป็นระยะรับคานของบ่อไว้. นับว่าเป็นระบบวิศวกรรมใหม่สุดในยุคนั้น แปลกต่างจากสมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่ใช้ไม้ซุงเป็นเสาเข็ม หรือเป็นฐานรองรับอาคาร./

 

   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น