๒. จากพระราชกิจ สู่ งานจิตรกรรม
"ศาลฎีกา : อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ" ...... โดย นิกร ทัสสโร......
จดหมายเหตุ "ศาลฎีกา" ...๒. "จากพระราชกิจ สู่ งานจิตรกรรม" . เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมาท่านรองศาสตราจารย์ ดร. ภิญโญ สุวรรณคีรี ราชบัณฑิต ศิลปินแห่งชาติ ได้นัดผมและคณะผู้ก่อสร้างศาลฎีกา ไปพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งที่จะประดิษฐานบุษบกสำริด ซึ่งเคยอยู่ที่ยอดอาคารศาลสถิตยยุติธรรมเดิม ว่า จะตั้งที่ศาลฎีกาใหม่นั้น จะอยู่ที่ตำแหน่งใด.ก็ประชุมกันจนใกล้ค่ำ เป็นอันว่าลงตัวแล้ว ว่าจะอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ด้านทิศเหนือ ส่วนภาพประดับห้องโถงนี้จะเป็นภาพใด ข้อความใด ก็ลงตัวเช่นกัน ว่าที่โถงนี้มีภาพ ๔ ภาพ ครับ . เช่น ภาพแรกเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะที่ทรงพิพากษาคดี นี่คือภาพแรก...+++...ภาพที่ ๒ เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่เสด็จรับการทูลเกล้้าฯ ถวายฎีกาจากประชาชน ที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรค์...ภาพที่ ๓ เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่เสด็จทรงตรวจราชการศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๑๕ ...ทุกภาพที่ตั้งใจจะทำขึ้นมานั้น เป็นความตั้งใจจะทำขึ้นให้ได้ และเน้นที่พระราชกรณียกิจเกี่ยวแก่การศาลทั้งสิ้น ...เพราะเหตุใด?...และเกี่ยวพันถึงบุษบกข้างต้น กับช่างภาพหลวงที่ชื่อ "William Kennett Loftuss" ผู้ถ่ายภาพศาลสถิตยยุติธรรม อย่างไร ?...ขออธิบาย ดังนี้
การพระราชทานความยุติธรรมแก่ประชาชนผู้มีอรรถคดีนั้น เป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์มาแต่โบราณกาล กล่าวเฉพาะในสมัยรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์โปรดให้มีพระราชานุกิจทรงพิจารณาและพิพากษาคดีด้วยพระองค์เอง รัชสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ได้มีคดีสำคัญที่พระองค์ทรงพิพากษา และเป็นที่มาของการจัดประมวลกฎหมายตราสามดวงขึ้น. นั่นคือ คดีที่นายบุญสีช่างเหล็กหลวง กราบบังคมทูลเมื่อวันอังคารที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๓๔๘ และการพิพากษาคดีนั้น ถือว่าทรงประกอบพระราชกิจในฐานะที่ทรงเป็นองค์อมรินทราธิราช ทั้งหลักการที่ทรงนำมาใช้วางจิตให้เป็นจุตรัสก่อนตัดสิน ได้นำหลัก "อินทภาษ" มากำกับจิตมิให้เกิดอคติ ๔ ประการด้วยเหตุนี้...บุษบกที่ผมกล่าวถึง จึงแทน "อมรินทรและอินทภาษ"...ชั้นที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๕ เสด็จฯทรงก่อพระฤกษ์ "ศาลหลวงที่สูงสุด " เมื่อปี ๒๔๒๕ พระองค์ก็ทรงกำหนดเส้นทางเสด็จว่า ..."การที่จะเสด็จพระราชดำเนินก่อพระฤกษ์นั้น ตั้งกระบวนจากพระที่นั่งอมรินทร...ด้วยเหตุแห่งความยุติธรรม เปนหลักแผ่นดิน"...+++...เมื่อทราบความสำคัญของบุษบกดังกล่าวแล้ว ท่านอาจารย์ภิญโญและผมจึงตกลงว่า ฐานของบุษบกนั้นจะสร้างเศียรของช้างเอราวัณรองรับไว้ เช่นที่บุษบกนี้เคยประดิษฐานอยู่บนหอสูงของศาลสถิตยยติธรรมเมื่อคราวครั้งรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ ......++++....คราวนี้ก็สงสัยว่าภาพถ่าย,ภาพวาด ,และแบบแปลนของศาลต้นฉบับของอาคารศาลนั้น ยังมีอยู่หรือไม่? ก็ตอบว่ามีครับ คือ ภาพถ่ายนั้นขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศ เป็นภาพที่ถ่ายโดย Loftuss เห็นทั้งอาคารและหอนาฬิกาและบุษบกชัดเจน ส่วนภาพวาดนั้นตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ "The Graphic" เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ค.ศ. ๑๘๘๗ ภาพดังกล่าวผมซื้อมาเรียบร้อยแล้ว. ครับ...สำหรับการปั้นช้างเอราวัณเราได้กำหนดตัวบุคคลไว้แล้วเช่นกัน....!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น