๑. ตราแผ่นดิน
"ศาลฎีกา : อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ" .....โดย นิกร ทัสสโร .....
บันทึกนี้เป็นบันทึกส่วนตัวของผมที่เกี่ยวกับเรื่องของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลที่ผมทำงานอยู่ ผมบันทึกในห้วงเวลาที่กำลังมีการก่อสร้างอาคารศาลฎีกาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ซึ่งผมจะแบ่งเนื้อหาเป็นบทๆ ไป เช่น ..."ตราแผ่นดิน" ,"ความเป็นตุลาการ", "งานในพระปรมาภิไธย","ยุคสมัยสถาปัตยกรรม", "จากพระราชกิจ สู่ งานจิตรกรรม" เป็นต้น...โดยเนื้อหาทั้งหมดนั้นมาจากข้อมูลการค้นคว้าของผม เพื่อใช้บรรยายหัวข้อ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทางการศาล. รวมทั้งจากการสัมภาษณ์บรรพตุลาการที่เคยเป็นประธานศาลฎีกา และ ปลัดกระทรวงยุติธรรม. ที่สำคัญข้อมูลหลายส่วนมาจากการที่ผมได้เข้าร่วมอยู่ในเหตุการณ์ เพราะเป็นผู้ร่วมอยู่ในคณะเจรจากับทุกฝ่ายทั้งวุฒิสภา กรมศิลปากร และองค์กรด้านสถาปัตยกรรม เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาหลายๆด้านในการก่อสร้างศาลฎีกาคราคราวนี้.,...ท่านผู้อ่านอาจจะแทบไม่น่าเช่ือระคนสงสัยนะครับว่า การที่ผมเป็นเด็กบ้านนอกลูกชายของชาวนาจากบ้านเชิงแส ริมทะเลสาบสงขลา ผมกลับได้มารับงานที่เกี่ยวกับเรื่องศาลฎีกา เป็นเพราะอะไร? จึงใคร่เรียนทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า ทั้งนี้เพราะผมมีครูที่เมตตาให้ความรู้แก่ตัวผมอย่างมาก ทำให้ผมได้มีความรู้พอที่จะชี้แจง อธิบายกับใครต่อใครเขาได้บ้าง ครูของผมท่านนั้นคือ "ท่านอาจารย์เธียร เจริญวัฒนา" ที่มีบ้านเกิดตำบลติดกัน อำเภอเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลแรก.ส่วนเหตุผลที่สองคือเป็นเรื่องของ "ความบังเอิญ" ครับ. หลายเรื่องเป็นเรื่องความบังเอิญแห่งโชค ที่ทำให้ทำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เหลือเชื่อ อย่างแท้จริง. เช่น การลดความสูงของอาคารลงได้ถึงระดับที่มั่นใจ ว่าคนปกติน่าจะเห็นด้วย หรือการที่สามารถดำเนินการจนผู้ค้าริมคลองคูเมืองและรอบศาลฎีกา ๑๐๐๖ ราย ยินยอมย้ายออกไปทั้งหมด เมื่อเท่ียงคืนวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ คืนนั้น ผมไปพูดคุยกับเหล่าแกนนำและแกนตามของกลุ่มผู้ค้าจนเกือบเท่ียงคืน ก่อนที่จะจบลงด้วยดีของทุกฝ่าย ผมบอกพวกเขาว่า สักวันหนึ่งผมจะไปเยี่ยมเขาที่ตลาดแห่งใหม่ที่ท่าดินแดง. แกนนำผู้ค้าขอให้ผมอย่ายินยอมให้ผู้ค้ารายใหม่เข้ามาขายแทนเขา ซึ่งผมก็รับปาก. อย่างไรก็ตามมีผู้ค้าบางกลุ่มแตกตัวออกไปเป็นอิสระมีแกนนำ ๓ คน เขาและเธอทั้งสามหวังไปพึ่งคนมีสีในราชการบางคน ผมจึงให้คนติดต่อเพื่อให้มาพูดคุยกับผมแล้ว......+++++.....เริ่ม " ศาลฎีกา : อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ " เร่ือง ตราแผ่นดิน กันดีกว่าครับ...
"ตราแผ่นดิน" .....+++...วันหนึ่งของเดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ หลังจากที่ผมย้ายจากศาลจังหวัดอุทัยธานี มารับราชการที่ศาลฎีกาแล้ว ทำให้พอจะมีเวลาไปสืบค้นข้อมูลที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ท่าวาสุกรี กรุงเทพฯ ในหมวด ร.ย.ราชเลขาธิการ และ หมวด ว. กระทรวงวัง หลายรัชสมัย. แล้วโชคก็เข้่าข้างผม ผมได้พบเอกสารสำคัญเกี่ยวกับตราแผ่นดินซึ่งศาลทุกศาลใช้เป็น "ตราประจำชาด" ประทับคำพิพากษา.เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ เนื่องจากในวันนั้น ผมต้องการสืบค้นเรื่องอื่น แต่ก็พบเรื่องสำคัญ ๒ เรื่อง คือ ตราแผ่นดินสำหรับศาล และ ประวัติของพระยาประชากิจกรจักร(แช่ม บุนนาค) ซึ่งเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกายุคก่อน ท่านเป็นทั้งนักกฎหมาย นักรบ และกวี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "กวีแห่งสยาม" ประวัติของท่านนั้นท่านเขียนโดยลายมือของท่านเองนะครับ...แต่เนื้อหาบทนี้จะกล่าวถึงเฉพาะเรื่อง "ตราแผ่นดิน" ซึ่งในเอกสารที่ผมพบนั้น เป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ ร.ศ. ๑๑๐ พ.ศ. ๒๔๓๕ คราวที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฏ์ องค์เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอรับพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับ "ดวงตรา" ที่จะใช้สำหรับประทับในคำพิพากษาของศาล เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์มีพระราชดำริว่า. หากในคำพิพากษาจะใช้ตราจันทรมณฑลประทับ ตรานั้นก็เป็นตราสำหรับเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม จึงโปรดให้ศาลใช้ตราอาร์มอันเป็นพระราชลัญจกร ตราแผ่นดิน เป็นดวงตราสำหรับประทับกำกับคำพิพากษา.,เอกสารชิ้นนี้ในความรู้สึกของผม นับว่าเป็นเอกสารที่สำคัญมาก เพราะเท่าที่สืบค้นมาก็น่าจะมีศาลนี่แหละที่มีเอกสารการได้รับพระบรมราชานุญาต เรื่องตราแผ่นดินนี้ ต่อมาในปี ๒๕๕๔ ผมพบเอกสารอีกฉบับหนึ่ง เป็นเอกสารเก่าของศาลเขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ร.ศ. ๑๑๒ เอกสารนี้เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการตั้งศาลเพื่อชำระคดี "พระยอดเมืองขวาง" การตั้งศาลครั้งนั้นเป็นลักษณะศาลผสมเนื่องจากฝรั่งเศสซึ่งทำตัวเป็นผู้แทรกแซงเข้ามาบังคับเอาดินแดนและให้เราตั้ง "MIX COURT" ในการตั้งศาลครั้งนั้นก็ขอพระราชทานดวงตราสำหรับใช้ในศาลเช่นกัน...เอกสารการตั้งศาลเพื่อพิจารณาคดีพระยอดเมืองขวาง เป็นเอกสารที่รอดพ้นจากการถูกทำลายอย่างหวุดหวิด คือ มีการขนไปวางไว้ที่เชิงบันไดและปิดป้าย "รอทำลาย" ไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อปี ๒๕๕๔.การคิดทำลายเอกสารของศาลคราวนั้นมาจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่เมื่อในที่สุดยังเก็บรักษาไว้ได้ ก็ไม่ต้องมองไปข้างหลังว่าเป็นเพราะอะไร...มองกันไปข้างหน้าดีกว่า. และเมื่อผมเห็นเอกสารเหล่านั้นเข้า ผมจึงขอให้คุณนวลพรรณ ลายสังข์ เจ้าพนักงานศาลท่านหนึ่งที่ผมรู้จัก นำข้อความไปปิดทับใหม่ว่า เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ศาลไทย ห้ามทำลาย และได้แจ้งให้ท่านอาจารย์เธียรทราบ ขณะนี้ปราชญ์จากสงขลาท่านนี้ได้หาเงินมาให้ดำเนินการรักษาเอกสารทั้งหมดประมาณหลายหมื่นแผ่นไว้ แล้วให้ผมติดต่อใครก็ได้ ดำเนินการขอข้อมูลเรื่องการฆ่าเชื้อเสียก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะได้จัดหมวดหมู่เอกสาร และประเมินคุณค่าในด้านต่างๆ กันต่อไป.,ตอนนี้ค่อยหายใจออกมาได้หน่อยหนึ่งเพราะเอกสารมีความปลอดภัยแล้ว.ผมติดต่อรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นข้าราชการระดับ ๑๐ ของกระทรวงวัฒนธรรมได้ และได้รับคำแนะนำช่องทางบางอย่างเรื่องการฆ่าเชื้อให้แล้ว...ขอเวลาอีกประมาณ ๑๕ วัน ผมจะนำภาพบางส่วนของเอกสารชุดนี้มาให้ชมกัน
"ตราแผ่นดิน" ที่ศาลได้รับพระราชทานจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ มีลักษณะอย่างไร?..ใครเป็นผู้สร้างถวาย?..+++..."ตราแผ่นดิน" ที่ศาลได้รับพระราชทานมานั้น มีลักษณะเป็น "ตราอาร์ม" .ส่วนประกอบหลัก มี เครื่องยอดเป็นพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี ถัดมาด้านล่างเป็นโล่สามห้องบรรจุรูปช้างสามเศียร ห้องหนึ่ง . บรรจุช้างเผือกห้องหนึ่ง และบรรจุกริชไขว้อีกห้องหนึ่ง.ประคองข้างด้วยคชสีห์และราชสีห์. ส่วนประกอบอื่น มี ตราจักรี และเครื่องราชกกุฏภัฑณ์ และครุย .ตรานี้เริ่มใช้เมื่อปี ๒๔๑๖ ครับ ..+++...และตราแผ่นดินนี้ผูกเป็นตราประจำประเทศโดยเสวกเอก หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย โอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนสีหวิกรม....../
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น