๓. เสาแห่งความดีที่ต้องจารึก
"ศาลฎีกา : อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ" ........โดย นิกร ทัสสโร.....
เมื่อมีการรื้อถอนอาคารศาลอุทธรณ์เดิมลงแล้วเสร็จ.ก่อนที่จะเริ่มการขุดเจาะพื้นที่เพื่อสร้างเสาเข็มต้นแรกของอาคารศาลฎีกา. ท่านอาจารย์ดิเรก อิงคนินันท์ ประธานคณะกรรมการก่อสร้าง ได้เห็นชอบให้จัดพิธีบวงสรวงขึ้น การกำหนดฤกษ์ผานาที...ไว้ที่ "สมโณแห่งฤกษ์" ของวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ ก่อนถึงวันงานผมและคุณชูภัทรผู้จัดการโครงการบริษัทชิโนไทยฯ รวมถึงคุณมานะเจ้าของบริษัทที่ปรึกษา ต้องทำงานกันอย่างหนัก. ตั้งแต่คืนวันที่ ๒ มีนาคม เราทำงานถึงตี ๒ หลายคืน เพราะต้องพูดคุยกับผู้ค้าเป็นจำนวนมากที่ตั้งแผงค้าอยู่ที่ถนนหับเผย ซึ่งเป็นถนนที่รถบรรทุกเครื่องเจาะเสาเข็มจะนำเครื่องจักรเข้ามาทางเส้นทางนี้ เราต้องจ่ายเงินให้หัวหน้ากลุ่มผู้ค้าไปพอสมควร ทั้งที่ไม่ควรต้องจ่าย....บุคคลที่เราต้องจ่ายเงินให้ครั้งนี้ชื่อว่า ..." พัด " ...พัดเป็นผู้ดูแลแหล่งค้าที่เรียกว่า "ตลาดคลองหลอด" จุดที่ ๒ และจุดที่ ๓ พัดถือว่าเป็นมือขวาของ "เจ้าของตลาด" . จึงได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลพื้นที่สำคัญถึงสองบริเวณ บริเวณตลาดคลองหลอดจุดที่ ๒ ที่ผมกล่าวถึงนั้น คือ ฟุตบาทและริมถนนหน้าศาลฎีกา จุดนี้เก็บค่าแผงค้าในอัตราคืนละ ๓๐ บาท ต่อหนึ่งแผงค้า. ส่วนตลาดคลองหลอดจุดที่ ๓ เป็นบริเวณถนนหน้าหับเผยทั้งสาย จุดนี้พัดเก็บค่าแผงค้า ในอัตราคืนละ ๕๐ บาท ต่อหนึ่งแผงค้า รวมทั้งสองจุดมีผู้ค้าคืนละ ๓๕๐ ราย ทั้งนี้ สำหรับค่าไฟฟ้านอกหม้อ ก็มีการจัดเก็บต่างหากอีก คิดเป็นรายดวงไฟ ดวงละ ๒๐ บาท ต่อหนึ่งคืน. +++...ซึ่งเฉพาะค่าไฟฟ้าของหลวงที่ถูกต่อมาใช้ทั้งตลาด คำนวณแล้ว เจ้าของตลาดจะได้ค่าไฟ คืนละประมาณ ๑๘,๐๐๐ บาท เป็นอย่างต่ำ ซึ่งเท่ากับว่า รัฐต้องเสียรายได้ไปเดือนละ ๕๔๐,๐๐๐ บาท ...นี่คิดเพียงเดือนเดียว นะครับ.
เมื่อมั่นใจว่าเส้นทางถนนหน้าหับเผยทางที่จะใช้ลำเลียงอุปกรณ์สำหรับการเจาะเสาเข็มต้นแรกไม่มีปัญหาแล้ว. ผมจึงจัดซื้อเสาหินมาเพื่อใช้ในการทำพิธี. ที่ตำแหน่งเสาเข็นของอาคารต้นที่ ๙๙ วันทำพิธีมีท่านอาจารย์ไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน มีพระมหาราชครูเป็นผู้ทำพิธีบวงสรวง. ผมยกร่างคำบวงสรวงขึ้น ซึ่งมีเนื้อความตั้งแต่การขอพระแม่ธรณี สร้างศาลฎีกาเพื่อเป็นสถานที่ประสาทความยุติธรรมให้แก่ประชาชน. ขอเจ้านายเดิมฝ่ายวังหน้า เจ้าของพื้นที่เดิม ทั้งสิบเก้าพระองค์ อาทิ พระองค์เจ้าอินทปัต,พระองค์เจ้าลำดวน,พระองค์เจ้าก้อนแก้ว,พระองค์เจ้ากำภู, กรมหมื่นอนันตการฤทธิ์,พระองค์เจ้าสาททิพากร. เป็นต้น. คือ เป็นการให้เสาหินที่ใช้บวงสรวงได้เป็นสัญลักษณ์บันทึกความดีของทุกท่านทั้งในกาลก่อนและปัจจุบัน.