๗. ข่าวปล่อย
" ศาลฎีกา อัฏฏวิจารณ์จดหมายเหตุ "...........โดย. นิกร ทัสสโร
ช่วงนี้มีข่าวปล่อยข่าวลือเพื่อที่จะรื้อทำลายอาคารศาลยุติธรรมหลังอนุสาวรีย์พระรูปพระบิดาแห่งกฎหมายไทยออกมาค่อนข้างถี่. เช่น ออกข่าวว่าอาคารศาลฎีกาที่กำลังก่อสร้างห่างจากอาคารศาลยุติธรรมที่อนุรักษ์ไว้ เพียง ๕๐ เซนติเมตร. ทั้งที่ทั้งสองอาคารมีพื้นที่ว่างระหว่างอาคารถึงกว่า ๑,๐๐๐ ตารางเมตร. กล่าวคือ บางตำแหน่งห่างกัน ๒๐ เมตร. บางบริเวณห่างกัน ๑๓ เมตร. แล้วแต่มุมของอาคาร..
พวกเราที่ต้องการอนุรักษ์สมบัติชาติ ก็ต้องต่อสู้กันต่อไป ต้องไม่เสียกำลังใจ...อาคารศาลยุติธรรมหลังนี้สรา้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในการที่ประเทศไทยได้รับเอกราชทางการศาลโดยสมบูรณ์. และเป็นอาคารในกรุงเทพฯที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จเป็นครั้งแรกในรัชสมัย.เหลืออยู่เพียงหลังเดียวแล้ว. และขณะนี้ก็ได้รับตราพระนามาภิไธย "สธ" ของสมเด็จพระเทพรัตน์ ว่าเป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น
จึงนับว่าอาคารนี้เป็นประวัติศาสตร์การศาลไทย ที่ทรงคุณค่าอย่างอาคารศาลยุติธรรมหลังนี้.และภาพของคนเล็กๆในสังคมไทยผู้ซึ่งมีความผูกพันต่อบรรพบุรุษของเขาก็ปรากฏขึ้น. วันหนึ่งเขาจึงไปที่บริเวณที่ก่อสร้าง. แล้วบอกแก่คนงานว่า...เป็นหลานของคุณพระสาโรชรัตนนิมมานก์ผู้ออกแบบและก่อสร้างอาคารนี้ จึงขอเศษอิฐอาคารในส่วนที่รื้อถอนลง ขอนำไปเป็นที่ระลึก...นี่คือระดับจิตใจของคนที่รู้ค่า
เมื่อกล่าวถึงคุณพระสาโรชฯแล้ว. ผมก็ขอเล่าไปเสียในคราวเดียวกันว่า คณะผู้ก่อสร้างศาลยุติธรรม ประกอบด้วย
- พระสาโรชรัตนนิมมานก์ (สาโรช ร. สุขยางค์) นายช่างนักเรียนลิเวอร์พูลทุนกระทรวงธรรมการ
- พันเอก หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) อธิบดีกรมโยธาธิการ
- หลวงจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์ (วิสุทธิ์ ไกรกฤษ์) อธิบดีศาลแพ่ง นักเรียนกฎหมายอังกฤษทุนพระราชทาน
- นายหมิว อภัยวงศ์
- มิสเตอร์ เอฟ. บิสโตโน
ในที่นี้ขอเล่าประวัติของ นายช่าง เอฟ. บิสโตโน ( F. Pistono ) นะครับ. เพราะผมเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครค้นคว้าประวัติของท่าน หรือมีก็ไม่มากนัก. ประวัติของท่านนี้ผมได้ค้นพบที่หอจดหมายเหตุเมื่อไม่นานมานี้. ท่านมีประวัติว่า...ท่านจบด้านสถาปัตย์และมีความรู้ภาษาไทย. เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ค.ศ. ๑๙๒๒ กระทรวงมหาดไทยของเราได้ทำสัญญาว่าจ้างให้ท่านมาทำงานด้านการช่างที่เมืองไทย. โดยสัญญาทำขึ้นที่สถานทูตไทยในกรุงโรม สัญญาฉบับนี้มีอายุ ๑ ปี. เมื่อบิสโตโนมาทำงานที่เมืองไทยแล้ว วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๑๙๒๓ ก็ได้ทำสัญญาใหม่มีกำหนด ๒ ปี และได้รับเงินเดือนเพิ่มด้วย.
ครั้นถึงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๑๙๒๔ บิสโตโนขอต่อพระยากรกิจพิจารณ์ อธิบดีกรมสาธารณสุข เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประจำ. ท่านรับราชการอยู่จนถึงปี ๒๔๙๐ จึงได้ขอลาออกและเดินทางกลับ. ทางราชการไทยระลึกถึงคุณความดีของท่าน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๔๙๑ ให้ท่านได้รับบำนาญเป็นพิเศษ
นายช่างบิสโตโนและภรรยาพร้อมบุตรอีกสามคน. กลับไปยังบ้านเกิดแล้ว. แต่ที่ฝากไว้ในแผ่นดินไทยผลงานหนึ่งก็คือ...อาคารศาลยุติธรรม./